Prins Thailand เจาะตลาดภาคขนส่ง เปิดตัว Prins Diesel Blend 2.0 ติดแก๊ส LNG รถบรรทุก ระบบฉีดร่วม ประหยัดเชื้อเพลิง 15-25% ลดมลพิษ
บริษัท หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สรถยนต์ Prins ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ Prins Thailand ร่วมกับ บริษัท หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้ จำกัด เปิดตัวชุดอุปกรณ์แก๊ส Prins Diesel Blend 2.0 เจาะตลาดภาคขนส่งไทย เปลี่ยนมา “ติดแก๊ส LNG” นวัตกรรมระบบฉีดร่วม DDF สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งความประหยัดและลดโลกร้อน เพื่อการขนส่งที่คุ้มค่าและยั่งยืน
“ปัจจุบันธุรกิจในภาคการขนส่งและอุตสาหกรรมยานยนต์ กำลังปรับตัวมุ่งสู่การใช้ พลังงานสะอาด หรือ พลังงานทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจคือ การใช้เชื้อเพลิง LNG หรือก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ในรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนมา ติดแก๊ส LNG ด้วยระบบ Prins Diesel Blend 2.0 ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 15-25% พร้อมทั้งสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยมลพิษในอากาศ ขณะเดียวกันยังคงสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้ดีไม่ต่างจากเดิม ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการขนส่งได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน”
เปิดตัว รถบรรทุก ติดแก๊ส LNG Prins Diesel Blend 2.0 ระบบฉีดร่วม (DDF) คันแรกของไทย
ทั้งนี้ เรามีการเปิดตัว รถบรรทุก ติดตั้งแก๊ส LNG ระบบฉีดร่วม (DDF) คันแรกของไทย ในงาน Bangkok Imported Car and Used Car Show 2024 เมื่อวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง แพลตฟอร์ม Newgarage (นิวการาจ), หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้, หงษ์ทองแก๊ส โดยได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท พงษ์ระวี จำกัด ผู้นำด้านการขนส่งวัตถุอันตรายที่มีความเป็นเลิศด้านความปลอดภัยในระดับสากล ร่วมนำรถบรรทุกขนส่งเชื้อเพลิงของบริษัท มาติดตั้งก๊าซ lng ชุดอุปกรณ์ Prins Diesel Blend 2.0 พร้อมถัง lng ขนาด 1,000 ลิตร เพื่อเป็น “รถต้นแบบ” ในการใช้งานจริง อ่านเพิ่มเติม: คลิก
ความรู้เกี่ยวกับ LNG ก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas)
✦ LNG คืออะไร? ✦
LNG หรือ Liquefied Natural Gas คือ ก๊าซธรรมชาติที่ถูกทำให้เป็นของเหลวที่อุณหภูมิ -162 องศาเซลเซียส ทำให้ปริมาตรลดลงถึง 600 เท่า เพื่อความสะดวกในการขนส่งและจัดเก็บ
ก๊าซ LNG ถือเป็นเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายอย่าง ซึ่งเหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็น แหล่งพลังงานทดแทนที่สะอาด สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมถึงในอุตสาหกรรมหนัก ที่ต้องการกำลังขับเคลื่อนสูง และมีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยมลพิษ
ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซ LNG ได้แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
(สถานการณ์การนำเข้า LNG ของไทย สามารถดูได้จากเว็บไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), หรือสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.), คณะกรรมการพลังงานหอการค้าไทย เป็นต้น)
✦ LNG ต่างกับ LPG และ CNG/NGV อย่างไร? ✦
LNG, LPG และ NGV เป็นก๊าซที่ถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง พลังงานทางเลือกสำหรับยานพานะ โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
➤ LNG (Liquefied Natural Gas) หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว
แหล่งที่มา: ได้มาจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ
คุณสมบัติ:
• มีค่าความร้อนสูง
• เผาไหม้สะอาด มลพิษต่ำ
• ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
• เบากว่าอากาศ
• ราคาไม่สูง (ถูกกว่า ดีเซล)
การใช้งาน:
• ผลิตกระแสไฟฟ้า
• เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ (NGV)
• เชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
➤ LPG (Liquefied Petroleum Gas) หรือ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว
แหล่งที่มา: ได้มาจากกระบวนการผลิตน้ำมัน (การกลั่นน้ำมันดิบ) หรือ จากการแยกก๊าซธรรมชาติ
คุณสมบัติ:
• มีค่าความร้อนสูง
• เติมสารแต่งกลิ่นให้ฉุน เพื่อเตือนเมื่อเกิดการรั่วไหล
• หนักกว่าอากาศ
การใช้งาน:
• เชื้อเพลิงหุงต้ม
• เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์
• วัตถุดิบในอุตสาหกรรม
➤ CNG/NGV
CNG ก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas) เมื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานพาหนะจะเรียกว่า NGV หรือ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural Gas for Vehicles)
คุณสมบัติ:
• เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• ประหยัดค่าใช้จ่าย
การใช้งาน:
• รถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร
ดูเพิ่มเติม: คลิก
✦ คุณสมบัติของก๊าซ LNG ✦
➤ การเผาไหม้ที่สะอาด
LNG มีองค์ประกอบหลักคือ มีเทน เมื่อเผาไหม้จะก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่นๆ เช่น ถ่านหิน หรือ น้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ออกมาน้อยกว่า นอกจากนั้น LNG ยังสามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดการปล่อยพลังงานความร้อนออกมาอย่างเต็มที่
➤ ประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานสูง
LNG มีค่าความร้อนสูง อยู่ที่ประมาณ 52,000 BTU/กก. (British Thermal Unit ต่อกิโลกรัม) ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ทำให้สามารถผลิตพลังงานได้มากจากปริมาณที่น้อย และมีประสิทธิภาพในการแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้สูง
➤ ความหนาแน่นของพลังงานสูง
แม้จะเป็นก๊าซ แต่เมื่อถูกทำให้เย็นลงจนกลายเป็นของเหลว LNG จะมีความหนาแน่นของพลังงานสูง ทำให้สามารถขนส่งและจัดเก็บได้ง่ายและประหยัดพื้นที่มากกว่าก๊าซธรรมชาติในสถานะก๊าซ
➤ ความปลอดภัย
LNG ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นพิษ หากเกิดการรั่วไหล LNG จะระเหยกลายเป็นไอและลอยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เนื่องจากมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศ ทำให้ควบคุมและจัดการได้ง่าย
➤ ประโยชน์ใช้งานหลากหลาย
LNG สามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุกในภาคการขนส่ง เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
( หมายเหตุ: BTU เป็นหน่วยวัดพลังงานความร้อน โดย 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่จำเป็นในการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำ 1 ปอนด์ ขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์ )
มาตรฐานอุปกรณ์และถังก๊าซ LNG สำหรับรถบรรทุก
ชุดอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซ LNG มาตรฐานสากกล
▸ Prins แบรนด์ผู้นำนวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการติดตั้งแก๊สมาตรฐานระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 35 ปี ในการพัฒนาระบบเชื้อเพลิง LPG, CNG, LNG และ H2 (ไฮโดรเจน) คุณภาพระดับ OEM quality อุปกรณ์ทุกชิ้นผ่านการทดสอบและได้รับรองมาตรฐานสากล อาทิ ECR67R01, ECER110 ตลอดจนมาตรฐาน EU5 และ EU6
จุดเด่นของ Prins Dieselblend 2.0
▸ อุปกรณ์แก๊ส เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง มีคุณภาพ มาตรฐานสูง
▸ ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด 15-25%
▸ ช่วยลดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจาก LNG คือก๊าซธรรมชาติเหลว คาร์บอนต่ำ อีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Energy)
▸ ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
▸ สามารถติดตั้งได้กับ “รถบรรทุก” ทุกประเภท
▸ผ่านการทดสอบ รับรองมาตรฐานสากล (ECE R110)
ติดแก๊ส LNG ชุดแก๊ส PRINS DIESELBLEND 2.0
ถังก๊าซ LNG มาตรฐานสากกล
▸ เป็นถังหุ้มฉนวนอุณหภูมิต่ำ (cryogenic insulated (LNG) gas cylinder)
▸ สำหรับบรรจุก๊าซ LNG ที่ใช้ติดตั้งในรถยนต์ รถบรรทุก เรือขนส่งก๊าซทางทะเล ฯลฯ
▸ โครงสร้างถัง 2 ชั้น (สุญญากาศ) หุ้มฉนวนที่อุณหภูมิ -162 °C
▸ ช่วยลดการสูญเสียความร้อน
▸ เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บก๊าซ
▸ มาตรฐานรับรอง: ECE R110 (มาตรฐาสากล)
▸ ติดตั้งพร้อมโครงกันกระแทก + การ์ดนิรภัย
▸ ใช้เวลาเติมก๊าซ (เต็มถัง) ประมาณ 10-15 นาที
▸ ระยะทางที่วิ่งได้ เฉลี่ยประมาณ 1,200-1,600 กม.
แนวโน้มการเติบโตของการใช้ LNG ในภาคการขนส่งไทย
การใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในภาคการขนส่งของไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ดีของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งการใช้พลังงานที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ที่ใช้น้ำมันดีเซล, CNG รวมกันกว่า 1.2-1.4 ล้านคัน หรือ คิดป็นสัดส่วนกว่า 80% โดยในจำนวนนี้มีรถบรรทุก CNG ที่อุปกรณ์และถังก๊าซกำลังจะครบอายุการใช้งานตามกฎหมาย และจำเป็นต้องถอดและเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันดีเซล ประมาณ 30,000 คัน สามารถแปลงระบบเพื่อให้ใช้เชื้อเพลิง LNG แทนได้
ข้อดีของการติดตั้งแก๊ส LNG ในรถบรรทุก
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การใช้ LNG แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่นๆ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
- ลดมลพิษทางอากาศ: การเผาไหม้ LNG ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่นๆ ช่วยลดปัญหาสุขภาพของประชาชนและรักษาสิ่งแวดล้อม
- ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล: การใช้ LNG ช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งพลังงาน และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไม่สามารถทดแทนได้
รถบรรทุก ติดแก๊ส LNG ช่วยลดต้นทุน ตอบโจทย์ภาคขนส่งอย่างไร
การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกที่ติดตั้งระบบแก๊ส LNG มีข้อดีหลายประการ อาทิ
➤ ช่วยลดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย
- ราคาเชื้อเพลิง: ราคาของ LNG มักจะผันผวนน้อยกว่าน้ำมันดีเซล ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นและลดต้นทุนในการดำเนินงาน
- อายุการใช้งานเครื่องยนต์ยาวนานขึ้น: การเผาไหม้ของ LNG ที่สะอาดกว่า ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยลง ส่งผลให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
➤ ช่วยลดโลกร้อน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ลดมลพิษ: LNG เมื่อเผาไหม้จะปล่อยมลพิษน้อยกว่าเชื้อเพลิงดีเซล ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ
- สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ: การใช้ LNG สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
➤ เติมแก๊ส LNG 1 ครั้งใช้เวลา 10-15 นาที วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น
- ถังก๊าซ LNG สำหรับรถบรรทุก : เป็นถังหุ้มฉนวน 2 ชั้นที่อุณหภูมิต่ำ -162 องศาเซลเซียส ขนาดความจุ 1,000 ลิตร ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น หรือประมาณ 1,200-1,600 กม. ต่อรอบการเติม
- ลดความถี่ในการเติม: การลดความถี่ในการเติมเชื้อเพลิงช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง
OXYHTECH MAXI PLUS 4.0
เทคโนโลยีคาร์บอนคลีนเนอร์ ‘ดีท็อกเครื่องยนต์ทั้งระบบ’ นวัตกรรมล่าสุด สำหรับรถบรรทุก ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น แก้รถอืด อัตราเร่งดีขึ้น ลดการปล่อยมลพิษ
➤ Oxyhtech (ออกซิเทค) ช่วยทำความสะอาด กำจัดเขม่าคาร์บอน ฝุ่น/ตะกอน ที่สะสมตามชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในระบบเครื่องยนต์ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ‘ตั้งแต่ต้นจนจบ’ อาทิ ลิ้นปีกผีเสื้อ ท่อไอดี หัวฉีด หัวเทียน วาล์วไอดี กระบอกสูบ ลูกสูบ วาล์วไอเสีย O2 Sensor FAP DPF EGR เทอร์โบ แคตทตาไลติก
➤ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น
➤ ประหยัดเชื้อเพลิง 5-15%
➤ อัตราเร่งดีขึ้น 10-20%
➤ ลดมลพิษ ควันดำ 70%
➤ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
➤ ไม่มีสารกัดกร่อนโลหะ
➤ เหมาะกับเครื่องยนต์ของรถทุกประเภท